หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

PHP : หาค่าที่มากที่สุด ใน Array และเอาตำแหน่ง มาใช้งานต่อ

PHP : หาค่าที่มากที่สุด ใน Array และเอาตำแหน่ง มาใช้งานต่อ

array_search — Searches the array for a given value and returns the corresponding key if successful

Description
mixed array_search ( mixed $needle , array $haystack [, bool $strict = false ] )

http://php.net/manual/en/function.array-search.php

ตัวอย่าง
Array
$Style = array(1 => $Perfectionist, 2 => $Giver, 3 => $Performer, 4 => $TragicRomantic, 5 => $Observer, 6 => $Questioner, 7 => $Epicure, 8 => $Protector, 9 => $Peacemaker);

หาค่าที่มากที่สุด และ Search หาตำแหน่ง ของค่าที่จะเอาไปแสดง เช่น ตัวอย่างจะเอา ตำแหน่งที่ 1-9 ไปใช้

$StyleMax = array_search(max($Style), $Style);


ตัวอย่างดูได้จากไฟล์ Intranet
enneagram\result_view.php

แก้ Windows explorer.exe ปิดเอง ทั้งใน Windows7 และ XP

แก้ Windows explorer.exe ปิดเอง ทั้งใน Windows7 และ XP
1. ทดลอง Copy File explorer.exe จากเครื่องอื่นที่ Windows เดียวกัน และ Bit เท่ากัน
2. Scan virus ให้มั่นใจว่าไม่ติด Virus หรือ Malware
3. แก้ Regedit โดยทำตามขั้นตอนดังนี้
3.1. ให้ไปที่ Start > Run ให้พิมพ์คำว่า regedit ตรง Open: ในช่องที่วางอยู่ >
เสร็จแล้วคลิก OK
3.2. จะมีหน้า Registry Editor เปิดขึ้นมา ดูที่ช่องซ้ายมือแล้วไล่เข้าไปตามลำดับดังนี้
HKEY_LOCAL_MACHINE > SOFTWARE > Microsoft > WindowsNT >
CurrentVersion > Winlogon
3.3. เมื่อคลิกเปิดที่ Winlogon ให้มาดูที่หน้าต่างฝั่งขวามือ ตรง Shell ดังภาพ
3.4. ดับเบิ้ลคลิกที่ช่อง Shell จะมีหน้าต่าง Edit String ขึ้นมาให้ดูในช่อง Value data.
ท่านจะพบค่าดังนี้ “Explorer.exe regsvr.exe”
3.5. ให้ลบตรง regsvr.exe ออกให้เหลือแต่ Explorer.exe เสร็จแล้วคลิก OK
3.6. เมื่อเสร็จแล้วให้ปิดหน้าต่าง Registry Editor แล้ว Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่
3.7. กลับเข้า Regedit อีกครั้งไปดูค่า Winlogon Shell ค่า Registry ยังเป็น Explorer.exe เหมือนเดิมหรือไม่
ถ้าเป็น Explorer.exe เหมือนเดิม แสดงว่า OK ให้ทดลองใช้งาน
แต่ถ้ากลับมาเป็น Explorer.exe regsvr.exe เหมือนเดิมให้เช็ค Virus ใหม่อีกครั้ง

Axapta : Update Costing End ไม่ได้ ฟ้อง PJ เลขที่ Run ไปเรื่อย ๆ

Axapta : Update Costing End ไม่ได้ ฟ้อง PJ เลขที่ Run ไปเรื่อย ๆ

Update Costing End ไม่ได้ ฟ้อง PJ เลขที่ Run ไปเรื่อย ๆ
- ถ้า Report เสร็จหมดแล้วไม่ต้องติ๊ก Report ก็ได้ติ๊ก End ได้เลย
- แต่ถ้ายัง Report ไม่หมดต้อง ติ๊ก Report และ End คู่กันเพื่อจะได้ Report ยอดเพิ่มและ End คำสั่งผลิต
ดูยอดได้ที่ Tab update ของ Production Order
- ถ้า Post แล้วไม่ผ่าน ฟ้อง เกิดเลขที่ PJ ใหม่ Run เลขที่ หลังสุดไปเรื่อง ๆ
ให้เข้าไปที่คำสั่งผลิตนั้น --> Journals --> Report As Finish หรือ Job Card ( มี 2 ที่ )
- และคลิ๊กดูเข้าไปใน Line ของแต่ล่ะแถว ***จากแถวสุดท้ายจะต้อง ติ๊ก Report ถ้าไม่มีแสดงว่าเขาลืมติ๊ก ทำให้โปรแกรมจะสร้าง Job Card ขึ้นมาเองและ Post ไม่ผ่านเพราะ ยังไม่ได้คีย์ WH Location

- แก้โดย
1. ออกมาจากหน้า Line ของ Report As Finish หรือ Job Card
2. สร้าย Line ขึ้นมา 1 Line โดยคลิกปุ่ม Create Line ใส่ WH Location และจำนวน เป็น 0 (คีย์ไปเลยจะไม่ขึ้นตัวเลข ส่วน Wh Location ดูจากแถวอื่น)
3. เข้าไปใน Line แล้วติ๊ก Job Is Finished ด้วย

- Post Job Card แล้วออกมาก Update Costing End คำสั่งผลิตดู จะผ่าน

Axapta : Setup Calendar ปฏิทินการทำงานใน Axapta

Axapta : Setup Calendar ปฏิทินการทำงานใน Axapta เพื่อใช้คำนวณเวลาในการคีย์ JobCard
เมื่อขึ้นปีใหม่ต้องตั้งค่าใหม่ โดย
1. เข้าไปที่ Basic --> Calendar
2. เลือก Template ถ้ามีหลายอัน แล้วกดปุ่ม Working Time
3. อันเดิมไม่ต้องลบทิ้งเพราะมันจะ Update ทับ คลิก Compose working times
4. เลือกช่วงวันที่ที่ต้องการจนถึงสิ้นปี หรือสร้างไปหลาย ๆ ไปก็ได้
แล้วเลือก Working Time Templates ที่เราสร้างไว้เช่น C-2015 แล้วกด OK
เสร็จ ขั้นตอนการสร้าง Calendar ในการคำนวณเวลาทำงานใน JobCard

การสร้าง Template สำหรับคำนวณเวลาทำงานใหม่ถ้าต้องการ ทำได้โดย
1. เข้าไปที่ Basic --> Setup --> Calendar --> Working time templates
2. New ขึ้นมาใหม่ หรือแก้ Working Time ตัวเดิมก็ได้
ใส่ชื่อ ให้สื่อความหมาย
3. ไปที่ Tab Monday แล้ว New ช่วงเวลาที่ต้องการขี้นมา เช่น
From To
08:00 12:00
13:00 17:40
หรือ
From To
00:30 05:30
06:00 12:00
13:00 17:40
18:00 24:00
เป็นต้นตามเวลาที่เราต้องการเพื่อนำไปคำนวณเวลาของ JobCard
4. กดปุ่ม Copy เลือกวันที่ต้องการให้เหมือนกัน เช่น Tuesday , Wednesday ... ไปจนถึง Sunday

เสร็จการสร้าง Template

Windows Login temporary profile

1. Log on to the system by using an administrative user account other than the user account that is experiencing the problem.
2. Back up all data in the current user's profile folder if the profile folder still exists, and then delete the profile folder. By default, the profile resides in the following location:
%SystemDrive%\Users\UserName
3. Click Start, type regedit in the Start Search box, and then press ENTER.

User Account Control permission
If you are prompted for an administrator password or for confirmation, type your password, or click Continue.
4. Locate the following registry subkey:
HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows NT\CurrentVersion\ProfileList
Under the ProfileList subkey, delete the subkey that is named SID.bak.

Note SID is a placeholder for the security identifier (SID) of the user account that is experiencing the problem. The SID.bak subkey should contain a ProfileImagePath registry entry that points to the original profile folder of the user account that is experiencing the problem.
5. Exit Registry Editor.
6. Log off the system.
7. Log on to the system again.

After you log on to the system, the profile folder is re-created.

การยื่น ภงด3 ภงด53 ผ่านสื่อ Media


User : admin
Password : password
ทั้ง ภงด3. และ ภงด53.

ภงด1.
User : ADMIN
Password : PASSWORD

1. เข้าเรียกไฟล์ Text ได้ที่ General ledger ----> Inquiries ---> Withholding tax มี 2 ปุ่ม
- PND 3 Media (ดึงชื่อแยกกับคำนำหน้าชื่อเพราะออกรายงานถูกเลยไม่แก้)
- PND 53 Media (ช่องคำนำหน้าชื่อใส่ - แล้วเอาชื่อไปรวมกับชื่อบริษัท เพราะแยกกันแล้วออกรายงานไม่ถูกต้องจึงต้องเอารวมกัน)
2. ต้องบันทึกข้อมูลบริษัท รหัส ชื่อ ที่อยู่ให้เรียบร้อยก่อน โดยเข้าไปที่ Menu 1 : บันทึก/นำเข้าข้อมูล ---> 1. บันทึกข้อมูลผู้หักภาษี ณ ที่จ่าย
ถ้าต้องการแก้ไข ก็คีย์ รหัสเดียวกัน แล้วบันทึกทับได้เลย
3. Import ข้อมูล เข้า Menu 1 : บันทึก/นำเข้าข้อมูล ---> 2. นำเข้าข้อมูล Import
และ Set รูปแบบ พศ. และวันที่ และเลือกไฟล์ตามรูป

4. เอาข้อมูลเข้าแล้ว แต่ไม่ถูกต้องการลบ และเอาเข้าใหม่
4.1 เข้าไปที่ Menu 2 : บันทึกรายการข้อมูล ---> 1. บันทึกข้อมูลการหักภาษี ณ ที่จ่าย กดปุ่มค้นหา --> กดปุ่ม ตกลง --> กดปุ่ม สอบถามข้อมูลแบบนำส่ง ภ.ง.ด. ---> กด ค้นหา เลือกเดือนที่ต้องการ ---> กด ตกลง กลับมาหน้าหลักแล้วกด X สีแดงด้านบนได้เลย แล้วกดบันทึก --> กดปิด อีกครั้งแล้วกดบันทึก
แล้วค่อย Import ข้อมูลเข้าไปใหม่

5. เมื่อ Import ข้อมูลแล้ว ต้องเข้าไปที่ Menu 2 : บันทึกรายการข้อมูล ---> 1. บันทึกข้อมูลการหักภาษี ณ ที่จ่าย กดปุ่มค้นหา --> กดปุ่ม ตกลง --> กดปุ่ม สอบถามข้อมูลแบบนำส่ง ภ.ง.ด. ---> กด ค้นหา เลือกเดือนที่ต้องการ ---> กด ตกลง กลับมาหน้าหลักแล้วกดบันทึกก่อน 1 ครั้ง เพื่อให้ข้อมูลขึ้นไม่งั่น ข้อมูลจะไม่ขึ้น

6. Print1 รายงาน เข้า Menu3 : นำข้อมูลออกสื่อ Print 3 รายงาน คือ Menu1, Menu3, Menu4
7. เอาข้อมูลใส่ Disk เข้า Menu3 : นำข้อมูลออกสื่อ

8. ถ้าออกรายงานแล้วมี Error เลขที่ หรือ หัวท้าย ไม่ตรงกัน ให้เข้าไปที่ Menu 2 : บันทึกรายการข้อมูล ---> 1. บันทึกข้อมูลการหักภาษี ณ ที่จ่าย กดปุ่มค้นหา --> กดปุ่ม ตกลง --> กดปุ่ม สอบถามข้อมูลแบบนำส่ง ภ.ง.ด. ---> กด ค้นหา เลือกเดือนที่ต้องการ ---> กด ตกลง กลับมาหน้าหลักแล้วกดบันทึกก่อน 1 ครั้ง เพื่อให้ข้อมูลเพื่อให้ข้อมูลที่ Import ไป update แล้วรองเรียกรายงานดู
ถ้าไม่ได้ต้องลองแก้สัก 1 รายการเช่นแก้เงื่อนไข ใส่ 0 แล้วใส่ 1 กด Save ให้มันขึ้นบันทึกข้อมูล ปิดหน้าข้อมูลไป รองเรียกรายงานดู

Axapta X++ : Update Costing Error PD Calculating BOM consumption

Axapta X++ : Update Costing Error PD Calculating BOM consumption

- เกิดจาก PD ที่เป็น Valve จะ Costing แต่ มี Part บางตัวยังไม่ได้ Costing ทำให้ Error หรือ Packing list บาง Line ยังไม่ได้ Post
- ไปที่ PD นั้น ๆ Journal --> Packing list
- เข้าไปแต่ล่ะ Line ดู แต่ล่ะ Line ของ Item เลือก Inventory ---> Onhand
- ในหน้า Onhand ดู ที่มี Deducted และ Reserved (เปิดหน้า Onhand ค้างไว้แล้วเลื่อน ๆ Line หน้า Item ดูเอา)
- เอา Item ไปหา Pd แล้ว Update costing ก่อน ถ้ามีหลายอันค่อย ๆ ทำไป ทั้งหมดแล้วค่อย Costing Valve

หรือเรียกรายงาน Check PD ดู Sales Order เอา PD ที่ SO เดียวกันไป Update Costing ก่อน แล้วค่อย Costing Valve