หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2554

PHP Function of String


ฟังก์ชั่นทางด้านข้อความ

ฟังก์ชั่น ความหมาย
Chop() ตัดช่องว่างท้ายข้อความออกไป
Chr() แปลงค่า ASCII เป็นตัวอักษร
echo() แสดงผลข้อความ
explode() แยกข้อความโดยใช้เครื่องหมายแรก
ereg_replace() แทนที่ข้อความที่พบด้วยคำที่ต้องการ
eregi_replace() แทนที่ข้อความที่พบด้วยคำที่ต้องการ โดยไม่สนใจตัวพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่
flush() เคลียร์บัฟเฟอร์
htmlspecialchars() แสดงแท็ก HTML ในเว็บเพจ
implode() รวมอาร์เรย์เป็นข้อความ
join() รวมอาร์เรย์เป็นข้อความ
Itrim() ตัดข้อความด้านหน้าข้อความออกไป
Ord() แปลงตัวอักษรเป็นรหัส ASCII
parse_str() รับค่าข้อความไว้ในตัวแปร
print() แสดงผลข้อความ
printf() แสดงผลข้อความที่มีรูปแบบ
setlocale() ปรับค่าข้อมูลท้องถิ่น
similar_text() คำนวณความเหมือนระหว่างข้อความทั้งสอง
sprintf() ให้ค่าข้อความที่มีรูปแบบ
strchr() ตัดข้อความบางส่วนตั้งแต่ตัวแรกที่พบจนถึงท้ายสุดเพื่อนำมาใช้
strip_tags() ตัดแท็ก HTML และ PHP จากข้อความ
stristr() ตัดข้อความบางส่วนตั้งแต่ตัวแรกที่พบจนถึงท้ายสุดเพื่อนำมาใช้โดยไม่สนใจเรื่องตัวพิมพ์เล็กตัวพิมพ์ใหญ่
strlen() ขนาดความยาวข้อความ
strpos() หาตำแหน่งแรกที่ค้นพบข้อความที่ต้องการ
strrchr() ตัดข้อความบางส่วนตั้งแต่ตัวสุดท้ายที่พบจนถึงท้ายสุดเพื่อนำมาใช้งาน
str_repeat() แสดงข้อความซ้ำตามจำนวนครั้งที่ต้องการ
strrev() เรียงสลับข้อความจากหลังไปหน้า
strrpos() หาตำแหน่งสุดท้ายที่ค้นพบข้อความที่ต้องการ
strstr() ตัดข้อความบางส่วนตั้งแต่ตัวแรกที่พบจนถึงท้ายสุดเพื่อนำมาใช้
strtolower() ทำให้ข้อความเป็นตัวพิมพ์เล็ก
strtoupper() ทำให้ข้อความเป็นตัวพิมพ์ใหญ่
str_replace() เปลี่ยนข้อความที่พบด้วยคำที่ต้องการ
strtr() แปลงตัวอักษรที่แน่นอน
substr() ตัดตัวอักษรที่ต้องการใช้ออกมา
substr_replace() เปลี่ยนข้อความภายในส่วนของข้อความ
trim() ตัดช่องว่างด้านหน้าและด้านหลังข้อความ
ucfirst() เปลี่ยนอักษรตัวแรกของข้อความเป็นตัวพิมพ์ใหญ่
ucwords() เปลี่ยนอักษรตัวแรกของแต่ละคำในข้อความ

ตัดช่องว่างหน้า-หลังข้อความด้วย Ltrim(), Chop() และ Trim()
รูปแบบของฟังก์ชั่น
Ltrim(Text)
Chop(Text)
Trim(Text)

  1. <?php

  2. $Text= "   Rajabhat Institute Rambhaibarni   ";

  3. echo "ข้อความ "   Rajabhat Institute Rambhaibarni   "<br><hr>";

  4. echo 'Function Ltrim() :"".Ltrim($Text).""<br>";

  5. echo "Function Chop() :"".Chop($Text).""<br>";

  6. echo "Function Trim() :"".Trim($Text).""<br>";

  7. ?>



แปลงค่าตัวอักษรกับรหัส ASCII ด้วย Chr() และ Ord()
รูปแบบของฟังก์ชั่น
Chr(ascii-value)
Ord(string)
ascii-value เป็นข้อมูลชนิดตัวเลข หมายถึง คารหัส ASCII ที่ต้องการแปลงเป็นตัวอักษร
string เป็นข้อมูลชนิดตัวเลข หมายถึง ข้อความที่ต้องการนำมาแปลงเป็นรหัส ASCII

  1. <?php

  2. echo "รหัส 65 ใช้ฟังก์ชั่น Chr(65) :".chr(65)."<br>";

  3. echo "รหัส 161 ใช้ฟังก์ชั่น Chr(161) :".chr(161)."<br><hr>";

  4. echo "อักษร A ใช้ฟังก์ชั่น Ord(A) :".ord(A)."<br>";

  5. echo "อักษร ก ใช้ฟังก์ชั่น Ord(ก) :".ord(ก)."<br>";

  6. ?>



การแบ่งข้อความออกจากกันด้วย Explode() หรือ Split()
รูปแบบของฟังก์ชั่น
explode(separator, string)
split(separator, string)
separator คือเครื่องหมายแยก
string คือข้อความ

  1. <?php

  2. $cake = "ชิ้นที่ 1  ชิ้นที่ 2  ชิ้นที่ 3  ชิ้นที่ 4  ชิ้นที่ 5";

  3. $pieces = explode ("", $cake);

  4. echo "ฟังก์ชั่น explode() <br>";  //Function explode

  5. For ($I=0; $I<=5; $I++)

  6.      {

  7.           echo $pieces[$I]."<br>";

  8.      }

  9. $pieces1 =split("", $cake);  //Function split

  10. echo "ฟังก์ชั่น split() <br>";

  11. For ($I=0; $I<=5; $I++)

  12.      {

  13.           echo $pieces1[$I]."<br>";

  14.      }

  15. ?>



การรวมข้อความจากอาร์เรย์เป็นข้อความด้วย Implode() หรือ Join()
รูปแบบของฟังก์ชั่น
implode(glue, $array)
join(glue, $array)
glue คือเครื่องหมายที่จะให้ข้อความรวมกัน
array คือตัวแรอาร์เรย์ที่จะนำข้อความมารวมกัน

  1. <?php

  2. $pieces[0] = "เค้กชิ้น 1";

  3. $pieces[1] = "เค้กชิ้น 2";

  4. $pieces[2] = "เค้กชิ้น 3";

  5. $pieces[3] = "เค้กชิ้น 4";

  6. $pieces[4] = "เค้กชิ้น 5";

  7. $cake =implode("", $pieces); //Function Implode

  8. echo "ฟังก์ชั่น Implode() <br>";

  9. echo $cake;

  10. $cake1 =join("", $pieces); //Function join

  11. echo "<Hr>ฟังก์ชั่น Join() <br>";

  12. echo $cake1;

  13. ?>



ตัดข้อความบางส่วนมาใช้ด้วย strchr(), strrchr(), stristr() และ strstr()
รูปแบบของฟังก์ชั่น
strchr(haystack, niddle)
strrchr(haystack, niddle)
stristr(haystack, niddle)
strstr(haystack, niddle)
haystack เป็นข้อมูลชนิดข้อความ หมายถึง ข้อความทั้งหมดซึ่งเราต้องการนำมาค้นหาข้อความย่อย
niddle เป็นข้อมูลชนิดข้อความ หมายถึง ตัวอักษรหรือข้อความย่อยที่จะค้นหาว่าอยู่ที่ตำแหน่งใดใน haystack

  1.  

  2. <?php

  3. $string = "Rajabhat Institute Rambhaibarni";

  4. echo strchr($string,R)."<br>";

  5. echo strrchr($string,R)."<br>";

  6. echo stristr($string,R). "<br>";

  7. echo strstr($string,R)."<br>";

  8. ?>



การหาขนาดความยาวข้อความด้วย strlen()
รูปแบบของฟังก์ชั่น
Strlen(string)

  1. <?php

  2. $string = "Rajabhat Institute Rambhaibarni";

  3. echo "ความยาวของข้อความ $string มีค่าเท่ากับ".strlen($string). "<br>";

  4. ?>



การหาตำแหน่งตัวอักษรที่ค้นพบด้วย strpos() และ strrpos()
รูปแบบของฟังก์ชั่น
strpos(haystack, niddle)
strrpos(haystack, niddle)
haystack เป็นข้อมูลชนิดข้อความ หมายถึง ข้อความทั้งหมดซึ่งเราต้องการนำมาค้นหาข้อความย่อย
niddle เป็นข้อมูลชนิดข้อความ หมายถึง ตัวอักษรหรือข้อความย่อยที่จะค้นหาว่าอยู่ที่ตำแหน่งใดใน haystack

  1. <?php

  2. $string ="Rajabhat Institute Rambhaibarni";

  3. echo "i ตัวแรกที่พบในข้อความ $string อยู่ตำแหน่ง :".strpos($string,i)."<br>";

  4. echo "i ตัวสุดท้ายที่พบในข้อความ $string อยู่ตำแหน่ง :".strrpos($string,i)."<br>";

  5. ?>



การแสดงข้อความซ้ำหลายรอบด้วย str_repeat()
รูปแบบของฟังก์ชั่น
Str_repeat(string, multiplier)
  1. <?php

  2. $string = "Rajabhat Institute Rambhaibarni,";

  3. echo "แสดงข้อความ $string จำนวน 5 ครั้ง<hr>";

  4. echo str_repeat($string,5)."<br>";

  5. ?>



การเรียงสลับข้อความจากหลังไปหน้าด้วย strrev()
รูปแบบของฟังก์ชั่น
Strrev(string)
  1. <?php

  2. $string = "Rajabhat Institute Rambhaibarni";

  3. echo "ข้อความ $string เมื่อใช้ฟังก์ชั่น strrev() <br>";

  4. echo "ผลที่ได้ :".strrev($string);

  5. ?>


  1. การแปลงเป็นตัวพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่ด้วย strtolower() และ strtoupper()


รูปแบบของฟังก์ชั่น
strtower(string)
strtoupper(string)
string เป็นข้อมูลชนิดข้อความ หมายถึง ข้อมูลทั้งหมดที่ต้องการนำมาแปลง
  1. <?php

  2. $string = "Rajabhat Institute Rambhaibarni";

  3. echo "ข้อความ $string เมื่อใช้ฟังก์ชั่น strtolower()<br>";

  4. echo "ผลที่ได้ ".strtolower($string)."<br>";

  5. echo "ข้อความ $string เมื่อใช้ฟังก์ชั่น strtoupper()<br>";

  6. echo "ผลที่ได้ ".strtolower($string)."<br>";

  7. ?>




การใช้ตัวพิมพ์ใหญ่หน้าข้อความด้วย ucfirst() หรือ ucwords()
รูปแบบของฟังก์ชั่น
Ucfirst(String)
Ucwords(String)
  1. <?php

  2. $string = "rajabhat institute rambhaibarni";

  3. echo "ข้อความ $string เมื่อใช้ฟังก์ชั่น ucfirst()<br>";

  4. echo "ผลที่ได้".ucfirst($string)."<br>";

  5. echo "ข้อความ $string เมื่อใช้ฟังก์ชั่น ucwords()<br>";

  6. echo "ผลที่ได้".ucwords($string)."<br>";

  7. ?>



การแทนที่คำด้วย ereg_replace หรือ eregi_replace() หรือ str_replace()
รูปแบบของฟังก์ชั่น
Ereg_replace(needle, string, haystack)
Eregi_replace(needle, string, haystack)
Str_replace(needle, string, haystack)
  1. <?php

  2. $needle = "ชื่อ :";

  3. $string = "Name :";

  4. $haystack = "สถาบันราชภัฏรำไพพรรณี";

  5. echo "Function ereg_replace() =".ereg_replace($needle, $string, $haystack)."<br>";

  6. echo "Function eregi_replace() =".eregi_replace($needle, $string, $haystack)."<br>";

  7. echo "Function str_replace() =".str_replace($needle, $string, $haystack)."<br>";

  8. ?>



การตัดตัวอักษรที่ต้องการใช้ออกมาด้วย substr()
รูปแบบของฟังก์ชั่น
substr(string, start, [length]);
string เป็นข้อมูลชนิดข้อความ หมายถึงข้อความทั้งหมดที่ต้องการนำมาตัด
start เป็นข้อมูลชนิดตัวเลข หมายถึงตำแหน่งเริ่มตัด (หากค่าตัวเลขเป็นติดลบ หมายถึง นับตำแหน่งจากหลังสุดมาข้างหน้า
length เป็นข้อมูลชนิดตัวเลข หมายถึงจำนวนตัวอักษรที่ต้องการตัด ซึ่งจะระบุหรือไม่ก็ได้ หากไม่ระบุหมายถึงให้ตัดออกมาตั้งแต่ตำแหน่ง start ไปจนจบข้อความ string

  1. <?php

  2. $string = "Rajabhat Institute Rambhaibarni";

  3. echo substr($string,3)."<br>";

  4. echo substr($string,15,3)."<br>";

  5. echo substr($string,18,12)."<br>";

  6. echo substr($string,-6,7)."<br>";

  7. ?>

  8.  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น